วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

rabies make you crazy actually?

โรคพิษสุนัขบ้า........ หรือโรค กลัวน้ำ   เป็นโรคที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่ง ที่หลายคนมักมองข้าม  ผมทำงานที่โรงพยาบาลสิี่งที่ผมได้ทำทุกวันคือ  ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า  มีผู้ป่วยจำนวนมากครับที่ต้องฉีดวัคซีนนี้ เหตุเพราะเขาเหล่านั้นสัมผัสกับเชื้อที่ไม่ทราบว่าจะมีเชื้อ rabies หรือไม่  ทางที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันเอาไว้ก่อน  แล้วถ้าไม่ฉีดได้ไหม........ตอบก็ได้ครับแต่ถ้าเป็นขึ้นมา  รักษาไม่ได้นะครับ  ตายอย่างเดียว  สิ่งนี้และครับที่ทำให้หลายคนที่สัมผัสเชื้อแล้วเกิดอาการ  กลัว  แล้วก็ต้องฉีดวัคซีนป้องกันเอาไว้ก่อน       กันเหนียว ครับ.................           

                  โรคพิษสุนัขบ้า  หรือที่เรียกว่า  rabies   เป็นโรคติดต่อที่ติดต่อโดยการสัมผัสสารคัดหลั่ง หรือถูกกัดเป็นแผล ซึ่งจะนำเชื้อโดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด   ไม่ใช่เฉพาะสุนัขอย่างเดียวนะครับ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่าถูกสุนัขกัดถึงต้องฉีดวัคซีนนี้  ซึ่งรวมสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด  เช่น  แมว   หมู วัว  ควาย  หนู  ลิง   เป็นต้น    ถ้าถูกสัตว์เหล่านี้กัด    หรือถูกข่วนเป็นแผลถลอก  ก็ต้องฉีดวัคซีนตัวนี้เช่นกันครับ...................................

                 
                  อาการแสดงของโรค มักเป็นการอักเสบสมองและเยื่อสมอง ในระยะ 2-3 วันแรก ผู้ป่วยจะปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ คันหรือปวดบริเวณรอยที่ถูกกัด ทั้ง ๆ ที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อมาจะหงุดหงิด กระสับกระส่าย ตื่นเต้นไวต่อสิ่งเร้ารอบกาย ไม่ชอบแสง ลม มีน้ำลายไหล กล้ามเนื้อคอกระตุก เกร็งขณะพยายามกลืนอาหารหรือน้ำ ทำให้เกิดอาการ "กลัวน้ำ" ต่อมาจะเริ่ม เพ้อคลั่ง สลับกับอาการสงบ ชัก ผู้ป่วยบางรายอาจเป็นอัมพาต โดยมีอาการแขนขาอ่อนแรง หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด เนื่องจากส่วนที่สำคัญของสมองถูกทำลายไปหมด  โดยเฉลี่ยเสียชีวิตใน 5 วัน เพราะโรคลุกลามอย่างเร็ว โดยอาจแสดงอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. อาละวาด
ผู้ป่วยจะกระวนกระวาย ตื่นเต้นต่อสิ่งเร้าได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น เสียง แสง และ ลมเป็นต้น รู้ตัวและไม่รู้ตัวบ้าง ซึ่งอาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนอาละวาด ไม่อยู่สุข บางครั้งอาจจำไม่ได้ ไม่เข้าใจตนเอง ขณะแสดงอาการ จะเป็นเช่นนี้ประมาณ 2 - 3 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มซึมเศร้า ไม่รู้สึกตัว มีความดันโลหิตต่ำ ซ็อกและอาเจียนเป็นเลือดได้
2. กลัว
กลัวน้ำ กลัวลม ลักษณะดังกล่าว อาจไม่พบร่วมกัน อาจเป็นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เห็นได้ชัดขณะที่ผู้ป่วยรู้สึกตัว พอผู้ป่วยเริ่มซึมเศร้า อาการก็จะเริ่มหายไป ผู้ป่วยจะมีอาการถอนหายใจซึ่งเกิดขึ้นเอง
3. แสดงออกทางร่ายกาย
คันเฉพาะที่ตรงถูกสัตว์กัดในรูปของคัน ปวดแสบปวดร้อน ปวดลึก ๆ ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วแขน ขา หรือหน้าซีดที่ถูกกัด ผู้ป่วยอาจขนลุก รูม่านตาไม่สนองต่อแสง และ น้ำลายไหลมากผิดปกติ จะต้องบ้วน หรือถ่มเป็นระยะๆ

การป้องกันและรักษา 
ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ การรักษาจึงทำได้เพียงการดูแล ประคับประคอง และรักษาตามอาการ เท่าที่จะทำได้เท่านั้น วิธีการดูแลผู้ป่วย ทำได้ดังนี้
  1. แยกผู้ป่วยให้ปราศจากสิ่งเร้าต่างๆ เช่น ห้องที่สงบ ปราศจากเสียงรบกวน แต่ไม่จำเป็นต้องปิดไฟ
  2. ให้สารอาหารแบบน้ำเข้าทางเส้นเลือด เนื่องจากผู้ป่วยมักจะกินอาหารไม่ได้
  3. ผู้ให้การดูแล ควรใส่เสื้อผ้ามิดชิด ควรใส่แว่นตา ผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วย

การป้องกัน

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุดคือ ระวังอย่าให้ถูกสุนัขกัดหรือแมวกัด เพราะการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะมาจากน้ำลายสัตว์ที่เป็นโรคอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุด คือ การเสริมภูมิคุ้มกันในสุนัข ซึ่งเป็นสัตว์นำโรคหลัก รวมทั้ง การควบคุมจำนวนสุนัข  และถ้าถูกกัดหรือถูกข่วน  ก็อย่าลืมฟอกแผลด้วยสบู่ก่อนมา โรงพยาบาลนะครับ เพื่อลดเชื้อโรคแล้วเราก็จะปลอดภัยมากขึ้นครับ.........และก็อย่าลืมมาฉีดวัคซีนให้ตรงตามแพทย์นัดนะครับ

การปฏิบัติหลังคาดว่าได้รับเชื้อ

เมื่อสงสัยว่าได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ควรจะดำเนินการดังต่อไปนี้
  1. แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทราบ ประสานกับปศุสัตว์ในพื้นที่เพื่อควบคุมโรค
  2. ตัดหัวสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกให้มิดชิด แช่น้ำแข็ง นำไปชันสูตรยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบยืนยันว่ามีเชื้ออยู่และจะได้ดำเนินการต่อไป
        3.มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อรับการฉีดวัคซีนครับ.....http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20
               


                 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น