วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

SVT

ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 150ครั้ง/นาที
ไม่มี p wave
Rate สม่ำเสมอ
มักมาด้วยใจสั่น เหนื่อย
จับชีพจรด้วยมือนับไม่ทันมันเร็วมาก
บางคนมัีประวัติเป็นthyroid
ส่วนมากรักษาด้วยยา  adenosin  6mg เข้าเส้นเลือดpush เร็วๆด้วย dubble  syring  ถ้าให้ดีเข้าแขนด้านขวาเพราะถึงหัวใจได้เร็ว  ถ้าไม่ได้ผล  dose2 เป็น adenosin  12 mg  dose 3  adenosin  อีก 12 mg  ได้มากสุด 3 dose  ระหว่างให้ ต้องEKG monitor  ตลอด  on O2 canular  3 lit/min
ความรู้สึกเหมือนตกเหวแวบเดียว  เดียวก็ดีครับ  ...............








หลังให้ยา  หัวใจเต้นปกติครับ  หายใจสั่นแล้ว  admit observe  ต่อไป.........

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

งูกะปะกัด

สวัสดีครับวันนี้blog health ขอนำเสนอเรื่องของการดูแลเบื่องต้นเมื่อถูกงูกัด

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด


@    ให้พยายามดูว่าเป็นงูอะไรที่กัดเรา  เป็นงูมีพิษหรือไม่  ให้ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ให้ช่วยตีงูให้ตาย  แล้วนำงูมาที่ โรงพยาบาลด้วยครับ  เพื่อการวินิจฉัย และการให้เซรุ่มต้านพิษงูจะทำได้เร็วขึ้น  แต่ถ้างูมันเลื้อยหายไปแล้วตามไม่ได้ ก็ไม่ต้องรอ นะครับให้มาโรงพยาบาลเลย

@   การขันชะเนาะ ยังเป็นข้อถกเถียงกันว่าควรทำหรือไม่  แต่ถ้าเป็นงูที่มีพิษต่อระบบเลือดเราไม่แนะนำให้ทำครับ  เหตุผลมาจากทางแพทย์กลัวว่า จะมีผลต่ออวัยวะที่ถูกกัดคือ ทำให้มีเนื้อตายมากขึ้น  หากจะทำควรทำให้ถูกวิธีครับ  คือใช้เชือก  หรือผ้า รัดเหนืออวัยวะที่ถูกงูกัด  3-5 นิ้ว ให้แน่นพอควร  แล้วคลายเชือกทุกๆ 15  นาทีแล้วรัดใหม่เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่ออวัยวะที่ถูกกัด  ทำจนว่าจะมาถึงโงพยาบาล ถ้าไม่คลายเลยมันจะทำให้เกิดเนื้อตายมากขึ้น  ซึ่งบางครั้งอาจจะถูกงูไม่พิษกัด  แต่รัดเชือกสะแน่นเลย  เลยได้โรคใหม่กลับไปคือ กล้ามเนื้อตาย  รักษากันอีกนานกว่าจะหาย


@   ควรให้อวัยวะที่ถูกกัดอยู่นิ่งๆมากที่สุดไม่ขยับไปมา  รวมถึงห้ามเดินหรือวิ่ง เพื่อเป็นการลดการแพร่ของพิษเข้าสู่หัวใจให้ช้าลง

@   ห้ามใช้ไฟจี้แผล  หรือใช้มีดกรีดปากแผลนะครับ  อาจจะทำให้เลือดออกมากขึ้น  และไหลไม่หยุด  รวมทั้งห้ามใช้ปากกัดตรงแผลแล้วดูดพิษออกนะครับ  เพราะปากเรามันมีเขื้อโรคมากเลยครับ  เผลอๆถ้าปากเรามีแผลอาจจะได้รับพิษงูเข้าไปด้วย


@   เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วแพทย์มักจะให้admit ทุกราย  รักษาตามอาการถ้าท่านไม่มีตัวงูมาให้แพทย์ดู  ก็ต้องตรวจเลือดเพื่อหาพิษของงู  ว่ามีพิษต่อระบบอะไร  งูก็จะมีพิษต่อระบบดังนี้  ระบบประสาท ก็จะทำให้มีอาการเช่น หนังตาตก  ซึมลง  พูดไม่ชัด  หยุดหายใจ   ระบบเลือด  จะทำให้ไม่แข็งตัว  VCT  มักมากกว่า 30นาที  มีเลือดออกตามไรฟัน  จากแผล  มีจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย อาจจะปัสสาวะออกเป็นเลือด  และอีกระบบคือ  กล้ามเนื้อ   กล้ามเนื้ออ่อนแรง  และมีผลต่อไต  ทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ครับ  แต่ไม่ต้องห่วงครับถึงโรงพยาบาลแล้วแพทย์ก็มีวิธีการรักษาให้หายครับ.....รวมถึงการให้เซรุ่มแก้พิษของงูก็จะทำได้เร็วขึ้นถ้าวินิจฉัยว่าเกิดจากงูชนิดไหน.........................................................................................................ขอให้โชคดี

..


วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ให้น้ำเกลือ จำเป็นแค่ไหน

         สวัสดีครับ blog  health  บทนี้นำเสนอเรื่องของ IV  fluid  หรือการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ  มีความจำเป็นแค่ไหน......?


            มีหลายท่านครับที่พอมาโรงพยาบาลก็ได้ได้น้ำเกลือสักกระปุกแล้วอาการป่วยน่าจะดีขึ้น  ต้องขอทำความเข้าใจตามนี้ครับ 
            การให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำจะสั่งให้โดยแพทย์  จากการตรวจร่างกาย  หรือแพทย์มีความเห็นว่าจำเป็นต้องให้จากอาการที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์  เช่น

       ☆   ผู้ป่วยที่เสียเลือดเป็นจำนวนมากจากอุบัติเหตุ หรือHypovolemic  shock  อันนี้จำเป็นต้องให้น้ำเกลือจำนวนมากครับ ส่วนมากก็จะเป็น 0.9%Nss1000 ml  load  หรือ อาจเป็นAcetar  1000  mlให้เท่ากับจำนวนเลือดที่เสียไปครับ

       ☆   ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะ Shock ต่างๆ  แล้ว  ความดันโลหิตต่ำ  จำเป็นต้องให้สารน้ำอย่างเร่งด่วน  เพื่อให้ความดันโลหิต  อยู่ในภาวะปกติ

       ☆   ผู้ป่วยที่ทานอาหารไม่ได้  เหนื่อยเพลีย  อาเจียนตลอด  แพทย์ให้admit  และฉีดยาแก้อาเจียน น้ำเกลือที่ให้ก็อย่าง เช่น    5% DN/2   1000ml   เป็นต้น

       ☆  ผู้ป่วยที่ต้องงดน้ำ  งดอาหาร  เพื่อเตรียมผ่าตัด   เป็นต้นครับ

          น้ำเกลือที่มีใช้ในโรงพยาบาลก็มีหลายชนิดครับ ดังที่ยกตัวอย่างข้างต้น การเลือกใช้แต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันไป  ไม่ขอกล่าวในที่นี้ครับ เพราะรายละเอียดเยอะมากครับ......

           ดังนั้นถ้าเราไปโรงพยาบาลแล้วแพทย์ไม่สั่งให้น้ำเกลือเราก็ดีแล้วครับ  แสดงว่าอาการเราไม่หนักมาก.....สำหรับผู้สูงอายุถ้าไม่จำเป็นจริงๆแพทย์ก็มักจะไม่ให้น้ำเกลือครับ  เพราะแพทย์กลัวน้ำท่วมปอดครับ......ต้องเข้าใจหมอด้วยนะครับ
และมีอีกอย่างครับถ้าเราพอทานได้  ORS  ก็เป็นน้ำเกลืออีกอย่างที่ดีเท่ากับการให้ทางหลอดเลือดดำครับ.........จบhttp://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ศีรษะแตก ทำไงดี.....

ศีรษะแตก  บางท่านอาจเคยมีประสบการณ์ตรง   ก็อาจจะรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือเคยถูกเย็บแผลที่ศีรษะมาแล้ว  สำหรับใครที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องแผลที่ศีรษะ  ลองอ่านบทความนี้อาจจะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นนะครับ.......


          ศีรษะแตกอาจเกิดจากหลายสาเหตุ  เช่นเดินหกล้ม ลื่นแล้วศีรษะกระแทกพื้น  หรือโต๊ะ  หรือจากอุบัติเหตุจราจร  หรือสิ่งของตกใส่ และอื่นๆอีกมากมาย  ที่จะทำให้เกิดแผลที่ศีรษะ  แล้วเราต้องจัดการอย่างไรกับมัน.....ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อน
มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลครับ  ณ ที่เกิดเหตุแล้วมีเลือดออกมากให้หาผ้าสะอาดกดที่บาดแผลและต้องกดให้ตรงบาดแผล  ถ้ากดไม่ตรงเลือดก็จะไหลออกไม่หยุด บางทีจากแผลเล็กๆเลือดออกไม่หยุดเลยมองดูเหมือนว่าเป็น
แผลขนาดใหญ่  เสร็จแล้วก็ค่อยมาโรงพยาบาลครับ  พอถึงโรงพยาบาลหมอก็จะซักประวัติ ประเมินบาดแผลครับว่ามีความจำเป็นต้อง x-ray ก่อนจะเย็บแผลหรือไม่ มีสิ่งแปลกปลอมในแผลหรือไม่ กะโหลกศีรษะมีรอยแตกหรือไม่
health1 เย็บแผลที่ศีรษะ

            ส่วนขึ้นตอนการเย็บแผลไม่ขอกล่าวถึงนะครับ  สิ่งที่แพทย์กลัวที่สุดคือ  ผู้ป่วยมีประวัติสลบ  และมีอาการทางระบบประสาท ที่จะทำให้มีเลือดออกในสมองครับ  อาการอย่างเช่น  พูดสับสน  อาเจียนพุ่ง  แขน ขาอ่อนแรง  รูม่านตาตอบสนองต่อแสงไม่เท่ากันเป็นต้น  ถ้าเช็คอาการ เช็คบาดแผลแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็จะเย็บแผลให้เลย..........
health2 เย็บแผลที่ศีรษะ



               หลังเย็บแผลเสร็จ ก็จะเป็นคำแนะนำการปฎิบัติตัว การดูแลบาดแผล  เช่นการสระผมก่อนมาล้างแผลในวันถัดไป  หลังจากนั้นก็ห้ามแผลถูกน้ำ  มาล้างแผลทุกวัน  ครบ 7 วันตัดไหม  การทานยาแก้อักเสบให้ครบตามแพทย์สั่ง  การมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทยัค  การสังเกตุอาการทางระบบประสาท  24 ชม.แรกครับ.......http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20
http://blogsiteslist.com
<script>
  (function(i,s,o,g,r,a,m){i['GoogleAnalyticsObject']=r;i[r]=i[r]||function(){
  (i[r].q=i[r].q||[]).push(arguments)},i[r].l=1*new Date();a=s.createElement(o),
  m=s.getElementsByTagName(o)[0];a.async=1;a.src=g;m.parentNode.insertBefore(a,m)
  })(window,document,'script','//www.google-analytics.com/analytics.js','ga');

  ga('create', 'UA-51657328-1', 'story2health.blogspot.com');
  ga('send', 'pageview');

</script>

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อาการหายใจเร็วกว่าปกติ

อาการหายใจเร็วกว่าปกติ  อันตรายมากไหม   ?

             หายใจเร็ว หรือที่เรียกว่า Hyperventilation  syndrom  หลายท่านอาจเคยพบเจอด้วยตัวเอง  หรืออาจจะเคยเป็นเองเลย....อาการที่พบคือ หายใจเร็ว เหมือนหายใจ  เหนื่อยหอบ  หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก  ชาปลายมือ ปลายเท้า  หรือบางคนชาทั้งตัว มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้  แต่รู้เรื่องทุกอย่าง ส่วนสาเหตุหลักๆเลยน่าจะมาจากความเคลียด หรือ มีเรื่องที่เข้ามากระทบต่อจิตใจ แล้วรับไม่ได้กับเรื่องที่ได้รับฟัง  ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น  ชีพจรเต้นเร็ว  หายใจเร็วขึ้น มีมือจีบ เกร็งตามร่างกาย  อันนี้คืออาการของ Hyperventilation syndrom  ซึ้งต้องแยกให้ออกจากโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายๆกันครับ  เช่น  โรคหอบหืด  และถุงลมโป่งพอง  โรคหัวใจล้มเหลว  น้ำท่วมปอด  ถ้าไม่ใช่บุคคลาการทางการแพทย์การสังเกตุอาการอาจไม่ชำนาญ   ยกตัวอย่าง  โรคหอบหืด  เราจะได้ยินเสียงปอดมีเสียงวี๊ด  (wheezing)  หรือเสียงกรอบแกรบ(crepitation)  เป็นต้น  แต่เราก็มีคำแนะนำในการสังเกตุโรคHyperventilation  คือ

    ☆   มักพบในผู้ที่อายุน้อย  วัยรุ่น ที่ไม่มีโรคประจำตัว
   ☆  มักพบในคนที่มีเรื่องมากระทบจิตใจ  แล้วรับไม่ได้กับเรื่องที่ได้รับฟังมา
   ☆   มักพบในผู้ที่ดื่มสุรา  แล้วก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจ
   ☆  อาการที่เห็นชัดเจนคือหายใจเร็ว  มือจีบเกร็ง  2ข้าง  ชาตามตัว  ควบคุมการหายใจของตัวเองไม่ได้
          
               ถ้าเราพบอาการแบบนี้ให้นึกถึงโรคนี้เลยครับ.......แล้วเราจะต้องทำอย่างไรต่อดีครับ....ให้คุณตั้งสติดีๆ  แล้วจัดให้เขาอยู่เงียบๆ ไม่ต้องให้คุยกับใคร  เพื่อลดสิ่งกระตุ้น   ต่อมาให้แนะนำวิธีการหายใจเข้าออก  คือ  ให้หายใจช้า ๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ  แล้วค่อยๆผ่อนออก   ถ้าทำไม่ได้.......เคยดูในหนังไหมครับเขาจะใช้ถุงพลาสติกครอบปาก  ให้หายใจในถุงพลาสติก หรือที่เรียกว่า  bag therapy เหตุผลคือเพื่อเพิ่ม ก๊าสคาร์บอนไดออกไซค์ในเลือดครับ  เพราะก๊าสตัวนี้มีหน้าที่ควบคุมการหายใจของเราครับ  ถ้าเราหายใจเร็วไปผลก็คือก๊าสออกซิเจนในเลือดเรามันมากเกินไป เราจึงไม่สามารถควบคุมการหายใจของเราได้ครับ  

               ถ้าลองทำตามที่ะนะนำแล้วไม่ดีขึ้น    ก็ค่อยพามาที่ โรงพยาบาลครับ  มาถึงโรงพยาบาลหมอก็ให้ทำตามที่ผมได้แนะนำไว้เหมือนกันครับ  ถ้าไม่ดีขึ้นเป็นมาก็อาจจะให้ยา อาจเป็น valium 5  mg iv stat   แล้วก็รอดูอาการหรือ อาจจะให้นอนโรงพยาบาลเลยก็เป็นได้ครับ.........http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20
<script>
  (function(i,s,o,g,r,a,m){i['GoogleAnalyticsObject']=r;i[r]=i[r]||function(){
  (i[r].q=i[r].q||[]).push(arguments)},i[r].l=1*new Date();a=s.createElement(o),
  m=s.getElementsByTagName(o)[0];a.async=1;a.src=g;m.parentNode.insertBefore(a,m)
  })(window,document,'script','//www.google-analytics.com/analytics.js','ga');

  ga('create', 'UA-51657328-1', 'story2health.blogspot.com');
  ga('send', 'pageview');

</script>

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ถอดเล็บ ไม่น่ากลัว

         ถอดล็บ
  หรือที่เรียกว่า
  Nail   extractionได้ยินชื่อนี้แล้วหลายคนคงนึกภาพว่า
การถอดเล็บ มันคงน่ากลัวมาก คงเจ็บมากไม่กล้ามา โรงพยาบาล  ไม่ต้องกลัวครับ  หมอเขามีวิธีทำให้ไม่เจ็บมาก  คือ มียาชาให้ครับ  แต่จะเจ็บนิดๆตอนฉีดยาชาครับ  เมื่อก่อนผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่กลัวมากๆ แต่พอได้มาเจอcase เยอะๆก็ไม่ค่อยกลัวแแล้วครับ   อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเล็บถ้าไม่รุนแรงแค่ฟกช้ำ  แต่มีเลือดออกใต้เล็บ  หมอก็ไม่แนะนำให้ถอด  แค่เจาะระบายเลือดออกก็พอ คือเล็บยังไม่เสีย คือถ้าไม่เจาะออกจะทำให้ปวดที่นิ้วมากขึ้น  เพราะใต้เล็บเรามันจะเป็นระบบปิดมีแรงดันอยู่ข้างในครับ  สังเกตุดูเวลาเจาะทะลุเล็บแล้ว  เลือดมักจะพุ่งเลย  แล้วก็หายปวดในทันที   จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับผมก็เคยถูกประตูหนีบ


ที่นิ้วมือครับมีเลือดออกใต้เล็บ  แล้วปวดมาก  หมอก็ใช้วิธีเจาะเล็บให้ครับพอเจาะแล้วเลือดพุ่ง หายปวดทันที


           แนะนำสำหรับใครที่ไม่อยากมาหาหมอ  ด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ก็ลองทำเองได้ครับ  วิธีคือใช้ปลายคลิบหนีบกระดาษดัดให้ตรงก่อน  แล้วเผาไฟให้ร้อน  จากนั้นก็นำมาจี้ที่เล็บให้เป็นรูโดยหมุนไปด้วยนะครับ  เจาะสัก 2รู ก่อนเจาะต้องเช็ดด้วย alcoholก่อนนะครับ  เจาะเสร็จเช็ดอีกรอบ แล้วปิดด้วยผ้าก๊อดสะอาดครับ 


            แต่ถ้ามันรุนแรงเล็บเขียวหรือใกล้หลุดก็ต้องถอดครับ  วิธีการคือ.....ฉีดยาชาที่โคนนิ้ว  2ข้างหรื่อที่เรียกว่า digital nerve block  ขั้นตอนนี้จะเจ็บเล็กน้อยตอนที่แทงเข็ม จากนั้นมันก็จะชาทั้งนิ้ว  แล้วก็เริ่มใช้  metzenbrom  เซาะข้างเล็บ  จากนั้นใช้ artery clamp   บิดเล็บออกทีละข้างจนหลุด  ตกแต่งบาดแผล  ปิดแผลด้วยsofatoley  ป้องกันผ้าก๊อดติดแผลครับ  เห็นไหมครับ  ง่ายนิดเดียว.....แล้วก็มาล้างแผลทุกวัน  ไม่ให้แผลถูกน้ำ  และทานยาแก้อักเสบร่วมด้วยครับ  7วันแผลก็หาย  ไม่น่ากลัวเลยใช่ไหมครับ   จบ...........http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20
<script>
  (function(i,s,o,g,r,a,m){i['GoogleAnalyticsObject']=r;i[r]=i[r]||function(){
  (i[r].q=i[r].q||[]).push(arguments)},i[r].l=1*new Date();a=s.createElement(o),
  m=s.getElementsByTagName(o)[0];a.async=1;a.src=g;m.parentNode.insertBefore(a,m)
  })(window,document,'script','//www.google-analytics.com/analytics.js','ga');

  ga('create', 'UA-51657328-1', 'story2health.blogspot.com');
  ga('send', 'pageview');


</script>

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ลูกเป็นไข้ ตัวร้อน

เวลาที่เด็กเป็นไข้ ตัวร้อนสิ่งที่ใครๆก็รู้  การดูแลเบื้องต้น  คือการเช็ดตัวลดไข้  ทานยาลดไข้  เชื่อมั้ย......ว่ายังมีพ่อแม่หลายคน  โดยเฉพาะพ่อ แม่มือใหม่ยังเช็ดตัวเด็กยังไม่เป็น......   ฟังดูว่าการเช็ดตัวลดไข้ก็ไม่น่าจะยากอะไร  แค่เอาผ้าชุบน้ำ แล้วก็เช็ด.....แต่ในทางการแพทย์เรามีวิธีที่แนะนำครับ



      ★  ต้องถอดเสื้อผ้า  ผ้าออมสำเร็จรูปออกให้หมดก่อนนะครับ

      ★  ใช้น้ำอุ่นๆ ครับในการเช็ด เหตุผลเพราะเพื่อช่วยในการเปิดรูขุมขน  ทำให้มีการระบายความร้อนออกจากร่างกาย ได้ดีกว่าการใช้น้ำเย็น  และเด็กไม่ค่อยหนาว

       ★  ใช้ผ้าในการเช็ดอย่างน้อย 2 ผืนครับ  ถ้าเราเช็ดคนเดียว  อีกผืนก็เอาไว้ตามซอกรักแร้ หรือขาอีกผืนก็เช็ดตามร่างกาย

       ★   เช็ดอย่างไร  ง่ายๆเช็ดเข้าหาหัวใจ  หรือย้อนรูขุมขน เพื่อการเปิดรูขุมขน
       ★  เช็ดนานแค่ไหน   นานประมาณ 15-20 นาทีหรือจนกว่าตัวจะเย็น

       ★   ต้องทำใจนะครับ  เด็กเล็กถ้าถูกเช็ดตัวร้องทุกราย  พ่อ แม่บางคนเห็นลูกร้องไห้ไม่ได้ ก็จะหยุดเช็ดตัว  ถ้าไม่เช็ด ตัวเด็กยังร้อนอยู่  ระวังลูกของท่านจะมีชักเกร็งจากไข้สูงนะครับ  ซึ่งผลเสียของเด็กชักนั้นคงทราบกันดีว่ามีผลต่อสมอง และความจำนะครับ

       ★  ให้ทานยาลดไข้  ทุก 4 ชม. นะครับ ตามแพทย์สั่ง เช่น ถ้าน้ำหนัก  10 kg  ก็ให้ para sry.  1 ชช.  หรือ  5cc ครับ  แล้วก็มาพบกุมารแพทย์ครับ เพื่อหาสาเหตุของการมีไข้  เพื่อรักษาให้ตรงกับโรคที่เป็นครับ  

หวังว่าเทคนิคนี้จะช่วยพ่อแม่มือใหม่ได้บ้างนะครับ.......http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20

<script>
  (function(i,s,o,g,r,a,m){i['GoogleAnalyticsObject']=r;i[r]=i[r]||function(){
  (i[r].q=i[r].q||[]).push(arguments)},i[r].l=1*new Date();a=s.createElement(o),
  m=s.getElementsByTagName(o)[0];a.async=1;a.src=g;m.parentNode.insertBefore(a,m)
  })(window,document,'script','//www.google-analytics.com/analytics.js','ga');

  ga('create', 'UA-51657328-1', 'story2health.blogspot.com');
  ga('send', 'pageview');

</script>

Migraine กับการปวดศีรษะข้างเดียว

ปวดศีรษะข้างเดียว ต้องทำอย่างไรจึงจะหาย?

เราจะดูแลตัวเองอย่างไรก่อนไปพบแพทย์
            อย่างแรกเลยหาสาเหตุที่น่าจะทำให้เราปวดศีรษะ เพราะสาเหตุของการปวดศีรษะของแต่ล่ะท่านอาจมีสาเหตุแตกต่างกันไป   เช่น  เครียด  งดนอน   จากการสูบบุหรี่  ดื่มสุรา  การดื่มกาแฟ  และอื่นๆ หากเราทราบแล้วว่าที่เราปวดศีรษะจากอะไร ก็หลีกเลี่ยงมันซะ


           ลองนอนพัก  นอนพัก  และก็นอนพัก  ทำจิตใจให้ว่าง ไม่คิดมาก  สร้างบรรยากาศการนอนพักให้เงียบ  หรืออาจเปิดเพลงเบาๆ  ฟังสบาย ๆถ้ายังไม่หายอีก.....

           ประคบเย็นที่ศีรษะ อาจใช้cold pack  หรือน้ำแข็งห่อผ้า  แล้วประคบที่ศีรษะ  ความเย็นช่วยให้เส้นเลือดที่ศีรษะหดตัวลง  ลดอาการปวดศีรษได้อย่างดีครับ

            ถ้าพอมีเวลา  แนะนำให้ลองไปนวดแผนไทยดูนะครับช่วยผ่อนคลายได้ดีทีเดียว  บอกหมอนวดว่าปวดศีรษะ  เดียวเขาจะนวดศีรษะให้  หายอย่างไม่น่าเชื่อครับ

            อีกวิธีที่ต้องลองเองนะครับกรณีที่อยู่บ้านและมีคู่ คือการมีเซ็กส์  ร่างกายของเราจะมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมาขณะที่เรามีเซ็กส์  แล้วหลังจากเสร็จภาระกิจแล้วอาการปวดศีรษะหายเป็นปริดทิ้ง   ลองดูนะครับ

            ลองมาหลายวิธีไม่หายก็ต้องใช้ยาแล้วล่ะครับ  อาจจะเริ่มจากยา paracetamal  500 mg  2 เม็ด ทุก4-6  ชม. ถ้าไม่หายต้องการยาแรงกว่านี้  แนะนำให้ไปพบแพทย์ดีกว่าครับแล้วท่านอาจจะได้เป็นยาที่ตรงกับโรคมากกว่า  หรือถ้าเป็นมากแพทย์อาจให้เป็นยาฉีดนะครับ  เช่น  Tramal 50 mg iv drip ใน  1   ชม........หลังได้รับยาฉีด  ส่วนมากอากรรทุเลาทุกราย
         
  
เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันก่อนนะครับ

ไมเกรน     เป็นโรคปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติระบบประสาทที่หลอดเลือดแดงบริเวณศีรษะซึ่งเป็นโรคเรื้อรังไม่หายขาดซึ่งอาจจะมีอาการเป็นครั้งคราว จึงควรได้รับการวินิจฉัยแยกจากกลุ่มที่มีอาการคล้ายไมเกรน เช่น Cluster Headche, Tension Headche ลักษณะที่สำคัญของไมเกรน ประกอบด้วย ส่วนใหญ่มักจะปวดศีรษะข้างเดียวประมาณ 60% หรือจะมีอาการปวดศีรษะทั้ง 2 ข้างก็ได้ โดยทั่วไปจะมีอาการปวดศีรษะนาน 4 - 72 ชั่วโมงและมักจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและเวียนศีรษะร่วมด้วย รวมถึงอาการกลัวแสงหรืออาการกลัวเสียงได้
             ถ้าโรคนี้มันเกิดขึ้นกับคุณแล้วลองทำตามวิธีที่แนะนำนะครับ  หายไม่หายแล้วมาแชร์กัน..................http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20
<script> (function(i,s,o,g,r,a,m){i['GoogleAnalyticsObject']=r;i[r]=i[r]||function(){ (i[r].q=i[r].q||[]).push(arguments)},i[r].l=1*new Date();a=s.createElement(o), m=s.getElementsByTagName(o)[0];a.async=1;a.src=g;m.parentNode.insertBefore(a,m) })(window,document,'script','//www.google-analytics.com/analytics.js','ga'); ga('create', 'UA-51657328-1', 'story2health.blogspot.com'); ga('send', 'pageview'); </script>







วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Diarrhea

ท้องเสียทำไงดี.........หลายคนคงเคยเป็นมาแล้วใช่ไมครับโรคนี้และเป็นโรคที่เป็นแล้วเราก็มาบ่นตามหลังว่า....ไม่น่าเลยเราไม่กินก็ได้  แต่มันเป็นอารหารที่ช้อบก็ต้องมีกันหน่อย เช่น ส้มตำ ยำต่างๆ ลาบ ก้อย และอื่นๆ   สิ่งที่อยากจะบอกวันนี้คือการดูแลตัวเองเบื้องต้นนะครับ....ถ้าตอนนั้นท้องเสียเยอะมากเข้าห้องน้ำเป็น 10 รอบ เหนื่อย และกำลังจะหมดแรงจะไปหาหมอก็ไปยังไม่ได้ ไม่มีใครไปส่ง หรือคิดว่าน่าจะยังไหว    เราลองมาดูแลตัวเองเบื้องต้นก่อนที่เราจะไปหาหมอกันนะครับ.......


1.   ให้คุณหายาสามัญประจำบ้านที่ควรจะมีติดบ้านไว้นะครับ  นั้นคือ ORS  หรือ เกลือแร่นั่นละครับหากใครที่อ่านบทความนี้อยู่ แล้วตอนนี้ที่บ้านยังไม่มี  ก็ควรรีบหามาไว้เลยนะครับ  เพราะมันคือพระเอกเลยก็ว่าได้   ให้คุณดื่มน้ำเกลือแร่แทนน้ำเปล่าเลยนะครับ  ถ่ายกี่ครั้งก็ดื่มเท่านั้นล่ะครับเพื่อให้ทดแทนเกลือแร่ที่เราเสียไปกับถ่ายออกมามาก

2.  ถ้าตอนนั้นไม่มีเกลือแร่อยู่จะทำอย่างไร....?นั่นสิครับ  ไม่มียาอะไรเลย  ปวดท้องก็ปวด  ถ่ายก็ จะ20ครั้งแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อยจะเป็นลมอยู่แล้ว  ทำไงดี....ผมแนะนำให้ทำเกลือแร่ดื่มเอง ทำยังไงครับ...สูตรคือ  น้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก  750 ccหรือประมาณ  1 ขวดน้ำปลา  น้ำตาล2ช้อนโต๊ะ  เกลือแกง 1ช้อนชา  ผสมเข้าด้วยกันแล้วค่อยๆดื่มครับ  แทนเกลือแร่ได้หรือไกล้เคียงที่สุดครับ

3.  ถ้าอาเจียนด้วยจะดื่มเกลือแร่อย่างไร.......นั่นล่ะครับคือปัญหา  วิธีคืออาเจียนออกมาก็ใส่เข้าไปใหม่  แต่ให้จิบORS นะครับค่อยๆจิบ  อย่าดื่มเพราะมั้นจะกระตุ้นให้คุณอาเจียนมากขึ้น  หากคุณค่อยๆจิบมันจะค่อยๆซึมเข้าสู่ร่างกาย  เราจะได้เกลือแร่ทดแทน  และไม่เพลียมากครับ

4.   ถ้าลองทำมาทั้งหมดแล้วไม้ดีขึ้นและคิดว่าไม่ไหวแล้ว ก็ไปหาหมอเถอะครับ   ถ้าพอไปไหว    หรือมีคนอื่นไปส่ง   แต่ถ้าอยู่คนเดียวไปไม่ไหว ก็โทร1669  ครับเบอร์โทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉินครับ


                  อาการท้องเสีย อาเจียน บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย  แต่หากว่าเป็นอาการท้องเสียที่รุนแรงก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะครับ  หรือที่เรียกว่าHypovolemic shock   จากการเสียน้ำในร่างกายมาก  และถ้าเกิดขึ้นกับเด็ก  หรือผู้สูงอายุก็จะมีความเสี่ยงหรืออันตรายถึงชีวิตมากกว่าบุคคลทั่วไปที่ร่างกายแข็งแรง  ดังนั้นเราก็ควรระมัดระวังเรื่องอาหารการกินด้วยนะครับ   ง่ายๆครับ  กินร้อน  ช้อนกลาง  ล้างมือ  อาการท้องเสียจะได้ไม่เกิด  หรือถ้าเกิดเราก็ต้องรู้วิธีรับมือกับมันขอแชร์ประสบการณ์แค่นี้ก่อนครับ............http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20

rabies make you crazy actually?

โรคพิษสุนัขบ้า........ หรือโรค กลัวน้ำ   เป็นโรคที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่ง ที่หลายคนมักมองข้าม  ผมทำงานที่โรงพยาบาลสิี่งที่ผมได้ทำทุกวันคือ  ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า  มีผู้ป่วยจำนวนมากครับที่ต้องฉีดวัคซีนนี้ เหตุเพราะเขาเหล่านั้นสัมผัสกับเชื้อที่ไม่ทราบว่าจะมีเชื้อ rabies หรือไม่  ทางที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันเอาไว้ก่อน  แล้วถ้าไม่ฉีดได้ไหม........ตอบก็ได้ครับแต่ถ้าเป็นขึ้นมา  รักษาไม่ได้นะครับ  ตายอย่างเดียว  สิ่งนี้และครับที่ทำให้หลายคนที่สัมผัสเชื้อแล้วเกิดอาการ  กลัว  แล้วก็ต้องฉีดวัคซีนป้องกันเอาไว้ก่อน       กันเหนียว ครับ.................           

                  โรคพิษสุนัขบ้า  หรือที่เรียกว่า  rabies   เป็นโรคติดต่อที่ติดต่อโดยการสัมผัสสารคัดหลั่ง หรือถูกกัดเป็นแผล ซึ่งจะนำเชื้อโดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด   ไม่ใช่เฉพาะสุนัขอย่างเดียวนะครับ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่าถูกสุนัขกัดถึงต้องฉีดวัคซีนนี้  ซึ่งรวมสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด  เช่น  แมว   หมู วัว  ควาย  หนู  ลิง   เป็นต้น    ถ้าถูกสัตว์เหล่านี้กัด    หรือถูกข่วนเป็นแผลถลอก  ก็ต้องฉีดวัคซีนตัวนี้เช่นกันครับ...................................

                 
                  อาการแสดงของโรค มักเป็นการอักเสบสมองและเยื่อสมอง ในระยะ 2-3 วันแรก ผู้ป่วยจะปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ คันหรือปวดบริเวณรอยที่ถูกกัด ทั้ง ๆ ที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อมาจะหงุดหงิด กระสับกระส่าย ตื่นเต้นไวต่อสิ่งเร้ารอบกาย ไม่ชอบแสง ลม มีน้ำลายไหล กล้ามเนื้อคอกระตุก เกร็งขณะพยายามกลืนอาหารหรือน้ำ ทำให้เกิดอาการ "กลัวน้ำ" ต่อมาจะเริ่ม เพ้อคลั่ง สลับกับอาการสงบ ชัก ผู้ป่วยบางรายอาจเป็นอัมพาต โดยมีอาการแขนขาอ่อนแรง หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด เนื่องจากส่วนที่สำคัญของสมองถูกทำลายไปหมด  โดยเฉลี่ยเสียชีวิตใน 5 วัน เพราะโรคลุกลามอย่างเร็ว โดยอาจแสดงอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. อาละวาด
ผู้ป่วยจะกระวนกระวาย ตื่นเต้นต่อสิ่งเร้าได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น เสียง แสง และ ลมเป็นต้น รู้ตัวและไม่รู้ตัวบ้าง ซึ่งอาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนอาละวาด ไม่อยู่สุข บางครั้งอาจจำไม่ได้ ไม่เข้าใจตนเอง ขณะแสดงอาการ จะเป็นเช่นนี้ประมาณ 2 - 3 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มซึมเศร้า ไม่รู้สึกตัว มีความดันโลหิตต่ำ ซ็อกและอาเจียนเป็นเลือดได้
2. กลัว
กลัวน้ำ กลัวลม ลักษณะดังกล่าว อาจไม่พบร่วมกัน อาจเป็นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เห็นได้ชัดขณะที่ผู้ป่วยรู้สึกตัว พอผู้ป่วยเริ่มซึมเศร้า อาการก็จะเริ่มหายไป ผู้ป่วยจะมีอาการถอนหายใจซึ่งเกิดขึ้นเอง
3. แสดงออกทางร่ายกาย
คันเฉพาะที่ตรงถูกสัตว์กัดในรูปของคัน ปวดแสบปวดร้อน ปวดลึก ๆ ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วแขน ขา หรือหน้าซีดที่ถูกกัด ผู้ป่วยอาจขนลุก รูม่านตาไม่สนองต่อแสง และ น้ำลายไหลมากผิดปกติ จะต้องบ้วน หรือถ่มเป็นระยะๆ

การป้องกันและรักษา 
ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ การรักษาจึงทำได้เพียงการดูแล ประคับประคอง และรักษาตามอาการ เท่าที่จะทำได้เท่านั้น วิธีการดูแลผู้ป่วย ทำได้ดังนี้
  1. แยกผู้ป่วยให้ปราศจากสิ่งเร้าต่างๆ เช่น ห้องที่สงบ ปราศจากเสียงรบกวน แต่ไม่จำเป็นต้องปิดไฟ
  2. ให้สารอาหารแบบน้ำเข้าทางเส้นเลือด เนื่องจากผู้ป่วยมักจะกินอาหารไม่ได้
  3. ผู้ให้การดูแล ควรใส่เสื้อผ้ามิดชิด ควรใส่แว่นตา ผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วย

การป้องกัน

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุดคือ ระวังอย่าให้ถูกสุนัขกัดหรือแมวกัด เพราะการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะมาจากน้ำลายสัตว์ที่เป็นโรคอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุด คือ การเสริมภูมิคุ้มกันในสุนัข ซึ่งเป็นสัตว์นำโรคหลัก รวมทั้ง การควบคุมจำนวนสุนัข  และถ้าถูกกัดหรือถูกข่วน  ก็อย่าลืมฟอกแผลด้วยสบู่ก่อนมา โรงพยาบาลนะครับ เพื่อลดเชื้อโรคแล้วเราก็จะปลอดภัยมากขึ้นครับ.........และก็อย่าลืมมาฉีดวัคซีนให้ตรงตามแพทย์นัดนะครับ

การปฏิบัติหลังคาดว่าได้รับเชื้อ

เมื่อสงสัยว่าได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ควรจะดำเนินการดังต่อไปนี้
  1. แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทราบ ประสานกับปศุสัตว์ในพื้นที่เพื่อควบคุมโรค
  2. ตัดหัวสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกให้มิดชิด แช่น้ำแข็ง นำไปชันสูตรยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบยืนยันว่ามีเชื้ออยู่และจะได้ดำเนินการต่อไป
        3.มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อรับการฉีดวัคซีนครับ.....http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20
               


                 

UTI more women than men ?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นได้ไง ........สำหรับบางท่านอาจจะยังไม่เคยเป็นโรคนี้ ทางการแพทย์เรียกย่อๆว่า UTI  มาจาก  Urinay  trac  infection   แต่หากเราไม่รู้ว่าสาเหตุุของมันเกิดจากอะไรก็อาจจะทำให้เราเป็นได้นะครับ  วันนีี้เรามาดูกันนะครับว่าที่เราเป็นโรคนี้สาเหตุน่าจะมาจากอะไร  และเราจะดูแลตัวเองอย่างไร  



              โรคนี้เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายจริงหรือไม่  จากประสบการณ์ที่ผมได้เจอมาจากการซักประวัติผู้ป่วยพบว่า โรคนี้พบมากในผู้หญิงครับ ผู้ชายก็มีเหมือนกันนะครับ แต่นานๆจะเจอสักคน  แล้วทำไมผู้หญิงจึงเป็นโรคนี้ได้มากว่าผู้ชาย   นั่นล่ะซิ...........ท่านผู้รู้บางท่านก็บอกว่าผู้หญิงท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย  ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า  ท่านว่าจริงหรือไม่ครับ......และอีกอย่าคือเวลาเข้าห้องน้ำผู้หญิงต้องนั่งปัสสาวะแล้วอาจจะมีน้ำจากโถส้วมกระเด็นมาถูกหากล้างไม่ดี ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ติดเชื้อได้ง่ายนะครับ   

               แล้วมีสาเหตุอื่นๆอีกมั้ยครับ.......การกลั้นปัสสาวะนานๆก็เป็นอีกสาเหตุ  เราอาจจะนั่งรถนาน  หรือทำงานยุ่งเลยลืมเข้าห้องน้ำ   การดื่มน้ำน้อย  ในหนึ่งวันไม่ดื่มน้ำไม่ถึง 8 แก้ว  ต้องระวังไว้ให้ดีนะครับ คุณอาจจะเป็นโรคนี้ได้  ปริมาณน้ำที่แนะนำต่อวันที่ควรดื่มให้ได้คือ 3000 cc   ต่อวันครับ  หรือบางคนบอกว่าไม่รู้ดื่มได้เท่าไหร่แล้วเพราะไม่ได้ตวง  เอาง่ายๆครับ  ดื่มให้มากๆ  แล้วดูสีของปัสสาวะว่าถ้าปัสสาวะใส เป็นใช้ได้  แต่ถ้าปัสสาวะเหลืองข้ม  แสดงว่าดื่มน้ำไม่พอต้องดื่มจนปัสสาวะใสครับ  แล้วการดื่มน้ำในปริมาณมากๆก็ทำให้ร่างกายสดชื่น  ผิวพรรณเปร่งปรั่ง  ระบบต่างๆในร่างกายทำงานเป็นปกติ   ซึ่งมันมีข้อดีตั้งหลายอย่าง  ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ความสำคัญกับการดืมน้ำด้วยนะครับ.........

               แล้วอาการที่จะพบในโรคนี่มีอะไรบ้าง?........ ถ้าเป็นไม่มากบางคนจะมาพบแพทย์ด้วยปัสสาวะแล้วมีแสบขัด  ปวดท้องน้อยเหนือหัวหน่าว  หรือบางคนก็ปวดหลัง  ปวดเอว  สำหรับคนที่เป็นมาก ก็จะมาพบแพทย์ด้วย ปวดท้องน้อย  ปัสสาวะขัด  มีไข้หนาวสั่น  หากไม่รีบรักษาก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้นะครับ  เพราะอาจจะทำให้เราติดเชื้อในไต  แล้งส่งผลให้เป็นโรคไตตามมา  หรือเลวร้ายกว่านั้นก็อาจจะให้ภาวะ septic shock  ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว..........

                ถ้าเป็นแล้ว หรือคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นโรคนี้ ก็อย่างลืมคำแนะนำที่ผมน้ำมาฝากในวันนี้นะครับ  แล้วโรคนี้ก็จะไกลจากเรา.........................http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคยอดฮิตใครๆก็เป็นกัน...

สวัสดีครับ
ขอกริ่นนำสักเล็กน้อย  ผมกำลังหัดเขียนblog  ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องblogเลยก็อ่านจากblogที่แนะนำการเขียน  เลยขอลองเริ่มต้นจากblogนี้เลย


อะไรดี  หลายท่านบอกว่าเขียนเรื่องที่ตนเองถนัดและก็ชอบ...ถามตัวเองแล้วชอบอะไร  ถนัดอะไร  ตอบ ไม่รู้ครับ  ไม่มีเรื่องที่ถนัดเลย  ชอบก็ไม่มีเรื่องชอบเลย แต่ก็อยากหัดเขียน  ไม่มีความรู้เรื่องการเขียน            ก็คิดว่าเรื่องที่น่าจะพอเขียนได้คงเป็นเรื่องของสุขภาพแล้วกันนะครับ  เพราะด้วยงานประจำที่ทำอยู่ทำเกี่ยวกับสุขภาพ  หลายคนคงสงสัยทำงานด้านสุขภาพ  ด้านไหนล่ะครับพี่  ....ตอบทำงานด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินครับ         ประสบการณ์ทำงานก็ประมาณ  7ปี นิดเดียวครับ แต่ก็เจออุบัติเหตุและโรคฉุกเฉินมาพอสมควร  ตามหัวข้อที่ตั้งไว้       เบาหวาน ความดัน ไขมัน เป็นโรคที่ผมพบได้บ่อยมากเวลาที่ผมซักประวัติ ผู้ป่วยครับ  หากจะขอตัวเลข ผมต้องขอเวลาในการค้นหาก่อนนะครับ   ผมขอเล่าถึงเบาหวานอย่างเดียวก่อนนะครับ  อาการของผู้ป่วยเบาหวานที่พบบ่อย เช่น  ใจสั่น  ตัวเย็น  ซึมลง พูดสับสน  หากเราเป็นคนที่พบเห็นอาการเหล่านี้  ก็ให้นึกถึงภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำ  ต้องทำงัยดีล่ะครับทีนี้.....


เบื้องต้น  หากผู้ป่วยพอรู้สึกตัวก็ให้ดื่มน้ำหวาน  อย่างเช่นนมหวาน  น้ำผึ้ง น้ำหวานเฮลลูบอย  หรืออะไรก็ได้ที่เราหาได้ตอนนั้นเพราะมันเป็นภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน  หากที่บ้านเรามีเครื่องเจาะน้ำตาลในเลือดก็สามารถเจาะได้เลย  ส่วนมากบ้านที่มีผู้ป่วยเบาหวานมักจะซื้อเครื่องเจาะน้ำตาลในเลือดมาไว้ใช้  เพื่อจะได้รู้ว่าน้ำตาลในเลือดของตัวเองต่ำหรือสูง  ส่วนวิธีใช้คนขายคงแนะนำวิธีใช้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ  ถ้าเจาะแล้วค่า DTX<90mg/dlแล้วมีอาการเหมือนน้ำตาลในเลือดต่ำก็ให้ดื่มน้ำหวานได้เลยครับ  แล้วถ้าเกิดว่าผู้ป่วยหมดสติ ปลุกไม่ตื่น เรียกยังไงก็ไม่ตื่น  เจาะเลือดแล้ DTXขึ้นLowหรือ<90mg/dl  หรือไม่ต้องเจาะก็ได้ครับ ท่านต้องขอความช่วยเหลือเร่งด่วนครับ ...........

 พูดมาถึงตอนนี้  การขอความช่วยเหลือท่านจะนึกถึงใครครับ  หมอที่โรงพยาบาลแน่นอนที่สุดจะโทรหาอย่างไรเบอร์โทรก็จำไม่ได้  บอกไว้เลยครับให้โทร 1669ครับ  เพราะเป็นเบอร์โทรศัพท์รับแจ้งเหตุทั่วประเทศ จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ  และคอยช่วยเหลือจัดหารถพยาบาลไปรับท่านที่บ้าน  เพียงแต่ท่านต้องตั้งสติให้ดีตอบคำถามที่เจ้าหน้าที่ถาม เช่น อาการผู้ป่วยเป็นอย่างไร  มีโรคประจำตัวอะไร  บ้านอยู่ที่ไหน เบอร์โทรที่ติดต่อ  ชื่อผู้แจ้งเป็นต้น ....จะได้รวดเร็วในการค้นหาบ้านที่จะไปรับได้ง่ายขึ้นครับ.......http://www.amazon.com/?_encoding=UTF8&tag=wwwstory2heal-20