สวัสดีครับวันนี้blog health ขอนำเสนอเรื่องของการดูแลเบื่องต้นเมื่อถูกงูกัด
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด
@ ให้พยายามดูว่าเป็นงูอะไรที่กัดเรา เป็นงูมีพิษหรือไม่ ให้ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ให้ช่วยตีงูให้ตาย แล้วนำงูมาที่ โรงพยาบาลด้วยครับ เพื่อการวินิจฉัย และการให้เซรุ่มต้านพิษงูจะทำได้เร็วขึ้น แต่ถ้างูมันเลื้อยหายไปแล้วตามไม่ได้ ก็ไม่ต้องรอ นะครับให้มาโรงพยาบาลเลย
@ การขันชะเนาะ ยังเป็นข้อถกเถียงกันว่าควรทำหรือไม่ แต่ถ้าเป็นงูที่มีพิษต่อระบบเลือดเราไม่แนะนำให้ทำครับ เหตุผลมาจากทางแพทย์กลัวว่า จะมีผลต่ออวัยวะที่ถูกกัดคือ ทำให้มีเนื้อตายมากขึ้น หากจะทำควรทำให้ถูกวิธีครับ คือใช้เชือก หรือผ้า รัดเหนืออวัยวะที่ถูกงูกัด 3-5 นิ้ว ให้แน่นพอควร แล้วคลายเชือกทุกๆ 15 นาทีแล้วรัดใหม่เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่ออวัยวะที่ถูกกัด ทำจนว่าจะมาถึงโงพยาบาล ถ้าไม่คลายเลยมันจะทำให้เกิดเนื้อตายมากขึ้น ซึ่งบางครั้งอาจจะถูกงูไม่พิษกัด แต่รัดเชือกสะแน่นเลย เลยได้โรคใหม่กลับไปคือ กล้ามเนื้อตาย รักษากันอีกนานกว่าจะหาย
@ ควรให้อวัยวะที่ถูกกัดอยู่นิ่งๆมากที่สุดไม่ขยับไปมา รวมถึงห้ามเดินหรือวิ่ง เพื่อเป็นการลดการแพร่ของพิษเข้าสู่หัวใจให้ช้าลง
@ ห้ามใช้ไฟจี้แผล หรือใช้มีดกรีดปากแผลนะครับ อาจจะทำให้เลือดออกมากขึ้น และไหลไม่หยุด รวมทั้งห้ามใช้ปากกัดตรงแผลแล้วดูดพิษออกนะครับ เพราะปากเรามันมีเขื้อโรคมากเลยครับ เผลอๆถ้าปากเรามีแผลอาจจะได้รับพิษงูเข้าไปด้วย
@ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วแพทย์มักจะให้admit ทุกราย รักษาตามอาการถ้าท่านไม่มีตัวงูมาให้แพทย์ดู ก็ต้องตรวจเลือดเพื่อหาพิษของงู ว่ามีพิษต่อระบบอะไร งูก็จะมีพิษต่อระบบดังนี้ ระบบประสาท ก็จะทำให้มีอาการเช่น หนังตาตก ซึมลง พูดไม่ชัด หยุดหายใจ ระบบเลือด จะทำให้ไม่แข็งตัว VCT มักมากกว่า 30นาที มีเลือดออกตามไรฟัน จากแผล มีจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย อาจจะปัสสาวะออกเป็นเลือด และอีกระบบคือ กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และมีผลต่อไต ทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ครับ แต่ไม่ต้องห่วงครับถึงโรงพยาบาลแล้วแพทย์ก็มีวิธีการรักษาให้หายครับ.....รวมถึงการให้เซรุ่มแก้พิษของงูก็จะทำได้เร็วขึ้นถ้าวินิจฉัยว่าเกิดจากงูชนิดไหน.........................................................................................................ขอให้โชคดี
..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น